เรื่อง : ศ.ดร.พญ.ณัฏฐิยา หิรัญกาญจน์
กลุ่มวิจัยภูมิคุ้มกันด้านเซลล์บำบัดมะเร็ง (Cancer Cellular Immunotherapy) หนึ่งในกลุ่มวิจัยของศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับความร่วมมือจากนานาชาติและศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สเต็มเซลล์และเซลล์บำบัด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และได้รับการสนับสนุนจากทุนสร้างเสริมพลังจุฬาฯ ก้าวสู่ศตวรรษที่ 2 ช่วงที่ 2 ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2560โดยมีเป้าหมายในการวิจัยและพัฒนาการรักษามะเร็งด้านภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งจะเน้นพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งที่เป็นปัญหาในประชากรไทยเพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาโรคมะเร็งอย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพ ลดการนำเข้ายาและเทคโนโลยีในการรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดจากต่างประเทศซึ่งมีราคาสูง

คณะวิจัยภูมิคุ้มกันด้านเซลล์บำบัดมะเร็ง
ศ.ดร.พญ.ณัฏฐิยา หิรัญกาญจน์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าปัจจุบันงานวิจัยและการพัฒนาของศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งที่กำลังดำเนินอยู่ทั้งหมดนั้นมีความคืบหน้าเป็นอย่างดี อันเนื่องมาจากการร่วมมือกับศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์สเต็มเซลล์และเซลล์บำบัด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ส่งผลให้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งมีห้องสำหรับผลิตเซลล์ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 8 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ ช่วยอำนวยความสะดวกและสนับสนุนให้งานวิจัยพัฒนานั้นเป็นไปอย่างมีคุณภาพและเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แม้ปัจจุบันจะมีวิธีรักษาโรคมะเร็งอยู่หลายวิธี แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่มีวิธีไหนที่จะรักษามะเร็งให้หายขาดได้ รวมถึงมีผลข้างเคียงทั้งในระยะสั้นและระยะยาวสูงมาก ดังนั้นการวิจัยเพื่อให้ได้วิธีการรักษาแบบใหม่ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษามะเร็งให้หายขาดในปัจจุบัน จึงมุ่งเน้นไปที่การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดซึ่งได้ผลในการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับวิธีการรักษาแบบเดิมที่ใช้กันอยู่ ศ.ดร.พญ.ณัฏฐิยา ได้เล่าถึงวัตถุประสงค์พร้อมยกตัวอย่างงานวิจัยที่ทางกลุ่มวิจัยภูมิคุ้มกันด้านเซลล์บำบัดมะเร็งกำลังดำเนินการอยู่ ดังนี้
1. Chimeric Antigen Receptor T cell (CAR T cell) คือ การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดแบบเซลล์บำบัดที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) แล้ว คือ CD19 CAR T cell และมีอยู่ 2 ชนิดที่ได้รับอนุมัติให้จัดจำหน่าย ได้แก่ Kymriah จาก Novartis และ Yescarta จาก Kite Pharma แต่ด้วยราคายาที่สูงมากถึง 15 ล้านบาท โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้องพัฒนาและดำเนินการวิจัยเพื่อให้ผู้ป่วยชาวไทยได้รับการรักษาที่ทัดเทียมกับนานาชาติในราคาที่สมเหตุสมผล
ศ.ดร.พญ.ณัฏฐิยา อธิบายเพิ่มเติมว่าปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีนี้ได้ผลที่ดีมาก โดยเฉพาะกับผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลัน หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดบีเซลล์ที่มีการแสดงออกของ CD19 ทั้งยังพบด้วยว่าให้ผลที่ดีอย่างน่าอัศจรรย์กับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งคาดว่าจะสามารถเริ่มทำการวิจัยในผู้ป่วยคนแรกได้ภายในปี พ.ศ. 2562 นอกจากนั้นกลุ่มวิจัยภูมิคุ้มกันด้านเซลล์บำบัดมะเร็งยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา CAR T cell ต่อมะเร็งชนิดอื่นๆ ในระดับห้องปฏิบัติการและสัตว์ทดลองอีกด้วย
สำหรับคณะผู้วิจัยกลุ่ม CAR T cell ประกอบด้วย ศ.ดร.พญ.ณัฏฐิยา หิรัญกาญจน์, อ.นพ.กรมิษฐ์ ศุภพิพัฒน์ และ อ.ภญ.ดร.สุพรรณิการ์ ถวิลหวัง กำลังพัฒนาการผลิต CD19 CAR T cell โดยทำงานร่วมกับทีมแพทย์ทางโลหิตวิทยา

ทีมแพทย์ทางโลหิตวิทยา อ.นพ. กฤษฎา วุฒิการณ์ ผศ. นพ. อุดมศักดิ์ บุญวรเศรษฐ์ และ อ.พญ. จันทิญา จันทร์สว่างภูวนะ
2. T cell Therapy คือ การรักษาที่ใช้ได้ผลดีกับเซลล์มะเร็งที่มีเชื้อไวรัส เช่น มะเร็งหลังโพรงจมูกและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยจะนำเลือดของผู้ป่วยมาแยกเซลล์เม็ดเลือดขาวและกระตุ้น T cell ให้มีความจำเพาะต่อส่วนของไวรัสที่อยู่ในเซลล์มะเร็ง และเลี้ยงให้มีปริมาณเพียงพอแล้วส่งกลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย สำหรับงานวิจัย T cell Therapy นั้นมี ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ หังสสูต หัวหน้าหน่วยไวรัสวิทยา ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนา T cell เป็นผู้รับผิดชอบ แต่ยังพบข้อจำกัดด้านเวลาจากการเพาะเลี้ยง T cell ซึ่งใช้เวลานานและคาดการณ์เวลาที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงไม่ได้ ส่งผลให้โจทย์ที่ตามมาของผู้วิจัยจึงเป็นการพัฒนาวิธีการรักษาใหม่โดยใช้การดัดแปลงพันธุกรรมของ T cell จากผู้ป่วยเอง หรือที่เรียกว่า TCR T cell Therapy ซึ่งอาจเป็นคำตอบที่ดีและเหมาะสมกว่า
3. NK/NKT cell คือ การรักษาโดยใช้เอ็นเคเซลล์ (NK cell) กล่าวคือ เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการฆ่าเซลล์มะเร็งบางชนิดได้ดี เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลันชนิด Myeloid ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้จะใช้กับผู้ป่วยที่มีโรคกลับเป็นซ้ำหรือไม่ตอบสนองต่อการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ทั้งนี้การเลี้ยง NK cell และเพิ่มจำนวนให้มีปริมาณเพียงพอนั้นทำได้ยาก เนื่องจาก NK cell ในกระแสเลือดมีปริมาณน้อยและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงมาก แต่ นพ.กรมิษฐ์ ศุภพิพัฒน์ หัวหน้าคณะวิจัย NK cell ก็สามารถพัฒนาวิธีการเพิ่มจำนวน NK cell และ NKT cell ภายนอกร่างกายให้สามารถเพิ่มจำนวนเซลล์ได้มากขึ้นกว่าวิธีมาตรฐาน
ศ.ดร.พญ.ณัฏฐิยา อธิบายเสริมด้วยว่าคณะผู้วิจัยได้วางแผนจะพัฒนาการดัดแปลงพันธุกรรมของ NK cell และ NKT cell เพื่อให้เซลล์ดังกล่าวสามารถหลบหลีกสัญญาณการยับยั้งการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันจากเซลล์มะเร็งและสภาวะแวดล้อม แต่การพัฒนาดังกล่าวยังอยู่ในระดับการทดสอบในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง เพื่อให้เกิดความมั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพียงพอที่จะทำการวิจัยในระดับคลินิกต่อไป
ช่องทางการติดต่อ
Facebook Page : CU Cancer Immunotherapy Fund
Line : @cucanceriec
Leave a reply