ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง เป็นโครงการเพื่อความเป็นเลิศของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รับการสนับสนุนจากทุน“สร้างเสริมพลังจุฬาฯ ก้าวสู่ศตวรรษที่ 2 ช่วงที่ 2” จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับงบประมาณจากศูนย์ความเป็นเลิศโรคมะเร็งครบวงจรและศูนย์ความเป็นเลิศเซลล์ต้นกำเนิดและเซลล์บำบัด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการวิจัยพัฒนารักษาโรคมะเร็งในยุคปัจจุบันโดยเน้นไปสู่การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy) เนื่องจากเป็นวิธีการสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง และความมีจำเพาะต่อโมเลกุลเป้าหมายในเซลล์มะเร็งแต่ละชนิด โดยการรักษาด้วยวิธีนี้ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกกระตุ้นผ่านกระบวนการพิเศษทำให้มีความสามารถในการจดจำและทำลายเซลล์มะเร็งที่เป็นเป้าหมายได้อย่างจำเพาะโดยไม่ส่งผลต่อเซลล์ปกติในร่างกาย
สำหรับท่านใดที่สนใจร่วมบริจาค ขณะนี้ทางเรามีช่องทางดังต่อไปนี้ค่ะ
1. บริจาคโดยตรงที่ตึกอานันทมหิดล ชั้น 2 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในเวลาราชการ ได้รับใบเสร็จทันที
2. E-donation ผ่าน QR code โดย Internet banking ทุกธนาคาร สำหรับท่านที่ยื่นภาษี online สามารถตรวจสอบรายการบริจาคผ่าน website สรรพากรได้โดยตรงโดยไม่ต้องใช้ใบเสร็จ (เฉพาะผู้ที่ยื่นภาษีออนไลน์เท่านั้น)
3. สำหรับท่านที่บริจาคโดยการโอนเงิน (กรุณาใช้บัญชีกระแสรายวันเป็นหลัก 045-304669-7 และเฉพาะผู้ที่ต้องการใบเสร็จเพื่อลดหย่อนภาษี ขอให้กรอกข้อมูลขอใบเสร็จมาทาง online http://ciec.md.chula.ac.th/donation/
4. ช่องทางใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการใช้บัตรเครดิต หรือ Bill payment สามารถบริจาคผ่าน https://www.chula.ac.th/about/giving โดยท่านจะได้ใบเสร็จผ่านทาง email ค่ะ
หมายเหตุ: ใบเสร็จไม่ต้องใช้ข้อมูลที่อยู่นะคะ ใช้เฉพาะที่อยู่สำหรับจัดส่งเอกสารเท่านั้นค่ะ ส่วนเลขบัตรประชาชนคือข้อมูลที่เตรียมนำไปใช้กับระบบ E-donation ที่จะเริ่มใช้ในปีหน้าอย่างเต็มรูปแบบค่ะ
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มีความพร้อมและความเชี่ยวชาญ ในด้านการวิจัย การเรียนการสอน และการบริการด้านโรคมะเร็ง โดยมีการจัดตั้งศูนย์มะเร็งครบวงจรแห่งจุฬาลงกรณ์ขึ้น และได้รับเกียรติเข้าร่วมเป็นสถาบันพันธมิตร (Sister Institution) กับ M.D. Anderson Cancer Center มหาวิทยาลัยเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นสถาบันการแพทย์ด้านมะเร็งวิทยาชั้นนำของโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระดับนานาชาติในการค้นคว้าวิจัยด้านโรคมะเร็ง การให้ความรู้ในการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบันรวมถึง อนาคต ในปัจจุบันโรงพยาบาลจุฬาฯให้บริการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยวิธีที่เป็นมาตรฐานระดับโลก ประกอบกับการมีศูนย์การวินิจฉัยโรคมะเร็งด้วยเทคนิคที่มีความก้าวหน้าทันสมัยและเป็นศูนย์กลางการรับตรวจ จากโรงพยาบาลอื่นๆเพื่อให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีโอกาสได้รับการรักษาที่ตรงเป้าเหมาะสมมากที่สุด
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง เป็นโครงการเพื่อความเป็นเลิศของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รับการสนับสนุนจากทุน“สร้างเสริมพลังจุฬาฯ ก้าวสู่ศตวรรษที่ 2 ช่วงที่ 2” จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับงบประมาณจากศูนย์ความเป็นเลิศโรคมะเร็งครบวงจรและศูนย์ความเป็นเลิศเซลล์ต้นกำเนิดและเซลล์บำบัด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนางานวิจัยด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งซึ่งเป็นนวัตกรรมการรักษาที่มีความก้าวหน้าอย่างมากในปัจจุบัน การรักษาโรคมะเร็ง แม้ว่ามีวิธีการรักษาหลายอย่าง เช่น การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และการฉายแสง แต่ส่วนใหญ่แล้ว ไม่มีวิธีไหนที่รักษาให้หายขาดได้ และมีผลข้างเคียงทั้งในระยะสั้น และระยะยาวสูงมาก ดังนั้นการวิจัยเพื่อให้ได้วิธีการรักษาแบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดและเป็นวิธีการรักษาที่มีผลข้างเคียงลดลงจึงมีความจำเป็นอย่างสูง การวิจัยพัฒนารักษาโรคมะเร็งในยุคปัจจุบันมุ่งเน้นไปสู่การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy) เนื่องจากเป็นวิธีการสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง และความมีจำเพาะต่อโมเลกุลเป้าหมายในเซลล์มะเร็งแต่ละชนิด โดยการรักษาด้วยวิธีนี้ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกกระตุ้นผ่านกระบวนการพิเศษทำให้มีความสามารถในการจดจำและทำลายเซลล์มะเร็งที่เป็นเป้าหมายได้อย่างจำเพาะโดยไม่ส่งผลต่อเซลล์ปกติในร่างกาย ทำให้ได้ผลในการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและมีผลข้างเคียงน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับวิธีการรักษาแบบเก่า ปัจจุบันสถาบันวิจัยชั้นนำด้านมะเร็งในระดับโลกตั้งกองทุนและมุ่งพัฒนาการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นหลัก
จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาการรักษานี้ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อลดการนำเข้ายาและเทคโนโลยีการรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดจากต่างประเทศซึ่งมีราคาแพงมาก รวมทั้งเน้นพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งที่เป็นปัญหาในประชากรไทย โดยได้รวบรวมนักวิจัยและแพทย์ที่เกี่ยวข้องในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย รวมทั้งร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยระดับโลก
นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งกองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งจุฬาฯ (CU Cancer Immunotherapy Fund) เนื่องจากการคิดค้นวิจัยเพื่อนวัตกรรมที่สำคัญยิ่งนี้จำต้องอาศัยแรงสนับสนุนแนวความร่วมมือจากประชาชน เอกชนและรัฐ ในการจัดหาทุน จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ จัดสร้างสถานที่เพื่อดำเนินงานวิจัยให้สำเร็จลุล่วง
การรักษาด้วย antibody therapy โดยการใช้ monoclonal antibody ชนิดต่างๆที่สามารถจับกับโมเลกุล เป้าหมายบนเซลล์มะเร็งแล้วชักนำให้เกิดการทำลายเซลล์มะเร็ง หรือการใช้ bispecific antibody เป็นต้น ในปัจจุบันมีงานวิจัยจำนวนมากที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
โดยนำเลือดของผู้ป่วยมาทำการแยกเซลล์ชนิดต่างๆของระบบภูมิคุ้มกันที่ต้องการ แล้วนำมาเพาะเลี้ยงและทำการกระตุ้นให้มีความจำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง แล้วใส่กลับสู่ร่างกายผู้ป่วย วิธีนี้จะใช้ได้ดีกับเซลล์มะเร็งที่มีเชื้อไวรัสเช่นมะเร็งหลังโพรงจมูกและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ดีของระบบภูมิคุ้มกัน งานวิจัยนี้นำโดยผศ.ดร.นพ. ปกรัฐ หังสสูต ผู้วิจัยมีความเชี่ยวชาญ ในการพัฒนา T-cell ชนิดนี้มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
หลักการคร่าวๆคือเป็นการดัดแปลงทีเซลล์ในห้องปฏิบัติการ โดยนำบางส่วนของแอนติบอดี (แบบเดียวกับที่กล่าวไว้ในแอนติบอดีเพื่อการรักษา) มาตัดต่อลงบนทีเซลล์ โดยใช้ประโยชน์ของความจำเพาะของแอนติบอดีที่มีต่อเซลล์มะเร็ง และเมื่อแอนติบอดีที่ถูกนำมาแปะตรวจพบเซลล์มะเร็งก็จะสามารถกระตุ้นทีเซลล์ให้เริ่มการทำลายได้อย่างรวดเร็ว CAR T cells อาจถูกเรียกว่าซุปเปอร์ทีเซลล์ก็ได้เพราะมันมีความสามารถในการทำลายเซลล์มะเร็งได้สูงกว่าทีเซลล์ทั่วๆไปด้วย
การพัฒนาการรักษาโดยใช้เอ็นเคเซลล์ (NK cells) ซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการฆ่าเซลล์มะเร็งบางชนิดได้ดีมาก มะเร็งที่มีรายงานว่าได้ผลดีต่อการรักษาด้วย NK cells คือ มะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลันชนิด Myeloid โดยจะใช้วิธีนี้รักษาในผู้ป่วยที่มีโรคกลับเป็นซ้ำหรือไม่ตอบสนองต่อการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ขณะนี้คณะผู้วิจัยนำโดย อ.นพ.กรมิษฐ์ ศุภพิพัฒน์ ได้พัฒนาการเลี้ยง NK-T cells เพื่อจะรักษาในมนุษย์สำเร็จแล้ว
การพัฒนาวัคซีนเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต่อต้านมะเร็ง: วัคซีนที่ผู้คนทั่วไปรู้จักในการป้องกันโรคต่างๆทำงานด้วยการนำสิ่งก่อโรคมาทำให้อ่อนแรงลง และนำเข้าสู่ร่างกายกระตุ้นภูมิคุ้มกันของเราให้จดจำสิ่งก่อโรคเหล่านั้นได้ เมื่อเจอเชื้อโรคหน้าตาเหมือนเดิมในครั้งต่อไป ร่างกายก็จะสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ วัคซีนมะเร็งก็ทำงานคล้ายๆกัน เป้าหมายคือสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ตอบสนองต่อมะเร็งได้
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ความก้าวหน้าด้านงานวิจัยมะเร็งทำให้เกิดเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ในการวินิจฉัย พยากรณ์โรคและรักษาใหม่จำนวนมาก มะเร็งหลายชนิดที่พบในผู้ป่วยไทยมีความแตกต่างจากที่พบในประเทศ ทางตะวันตกจำเป็นที่จะต้องมีการบูรณาการงานวิจัยเพื่อค้นหาองค์ความรู้ใหม่ และนำไปพัฒนาวิธีการวินิจฉัย และการรักษาโรคมะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
การสร้าง biobank ของมะเร็งที่เป็นจุดเด่นของประเทศและภูมิภาคที่ comprehensive เทียบเท่า มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงต่างประเทศ รวบรวมทั้งข้อมูลคลินิก ข้อมูลทางห้องปฏิบัติการชั้นสูง omics ต่างๆ เซลล์ และ biosample อื่นๆ สามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ database ของ cancer center ระดับโลก เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญต่องานวิจัยอย่างมาก
นอกจากธนาคารชีววัตถุ (Biobank) แล้ว การมีฐานข้อมูลทางจีโนมและโอมิกซ์อื่น ทั้ง epigenomics, transcriptomics, proteomics, metabolomics เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินงานด้านมะเร็ง ข้อมูลที่จะเกิดขึ้นจากงานวิจัยต้องมี high performance computer system ที่สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้พร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
Media Support by : ETDA สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) (องค์การมหาชน)